วันพฤหัสบดีที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2551

สรุปบทที่ ๕

สรุปบทที่ ๕

อินเทอร์เน็ตเป็นเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่ในโลก มีจุดเริ่มต้นมาจากโครงการอาร์พาเน็ตที่อยู่ในความควบคุมของอาร์พา ซึ่งเป็นหน่วยงานย่อยในสังกัดกระทรวงกลาโหมของสหรัฐอเมริกา โดยสนับสนุนทุนให้แก่มหาลัยและบริษัทเอกชนเพื่อทำวิจัยและพัฒนาการเชื่อมต่อเครื่องคอมพิวเตอร์ของมหาวิทยาลัย ๔ แห่งเข้ากัน และต่อมาภายหลังได้มีการพัฒนาและแลกเปลี่ยนไปใช้เครือข่ายที่ใหญ่ขึ้น เรียกว่าเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ที่ใช้ในปัจจุบัน
สำหรับอินเทอร์เน็ตในปรเทศไทยเริ่มต้นจากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ และสถาบันเทคโน,ยีแห่งเอเชียได้ติดต่อขอใช้บริการ e-mall กับมหาวิทยาลัยเมลเบิร์น โดยใช้สายโทรศัพท์ในการเชื่อมโยง ต่อมาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจัดตั้งเครือข่ายยูยูเน็ต และมีอีกหลาสถาบันการศึกษษเข้ามาขอเชื่อมต่อกับเครือข่าย และเรียกว่าข่ายไทยเน็ต
วิธีที่จะทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์สามารถเชื่อมโยงกับเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้อีกมี ๒ วิธี คือ เชื่อมต่อโดยตรงกับหน่วยงานที่ให้บริการอินเทอร์เน็ต มีข้อดีคือเป็นการเชื่อมต่อแบบตลอดเวลาและมีความเร็วสูงในการส่งข้อมูล ส่วนข้อเสียคือค่าใช้จ่ายสูง ส่วนอีกวิธีคือ การเชื่อมต่อผ่านโทรศัพท์ และโมเด็ม ซึ่งมีข้อดีคือเสียค่าใช้จ่ายต่ำกว่าวิธีแรก และข้อเสียคือส่งข้อมูลช้ากว่าต่อตรงนั้นเอง ในปัจจุบันจะมีกิจกรรมที่มีผู้ใช้ บริการบนอินเทอร์เน็ตอย่างหลากหลาย เช่น การติดต่อสื่อสารแบบ e-mail การค้าขายสินค้าอินเทอร์เน็ต การศึกษาและการค้นหาข้อมูล การติดตามข่าวสารต่างๆ การค้นหางานตลอดจนการสมัครงานผ่านเว็บไซต์และกิจกรรมด้านการบันเทิงอื่นๆ ซึ่งกิจกรรมที่ได้กล่าวมาข้างต้นมักจะอยู่ในรูปแบบของเว็บเพจ ซึ่งหมายถึงเอกสารในรูปแบบสื่อประสมต่างๆ ที่ใช้ในการเชื่อมโยงข้อมูล ผู้ใช้ที่ต้องการเข้าไปใช้บริการได้ต้องใช้โปรแกรมเว็บเบราเซอร์ทุกครั้งโดยต้องระบุ URL ของเว็บ ไซต์ให้ถูกต้อง
บริการต่างๆที่อยู่ในเครือข่ายอินเทอร์เน็ตมีหลายชนิด เช่น บริการรับ-ส่ง e-mail สนทนาออนไลน์ เทลเน็ต การขนถ่ายไฟล์รวมถึงการทำธุรกรรมทุกรูปแบบผ่านอินเทอร์เน็ตหรือที่เรียกว่า พาณิชย์ อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งมีจำแนกได้ ๕ รูปแบบ คือแบบธุรกิจกับลูกค้า แบบธุรกิจกับภาครัฐ แบบลูกค้ากับลูกค้า และแบบภาครัฐกับประชาชน สาเหตุที่มีการใช้บริการของพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ มากขึ้นในปัจจุบันเนื่องมาจากมีความสำคัญหลายประการ เช่น เป็นการทำธุรกิจการค้าแบบไร้พรมแดน ซึ่งไม่มีข้อจำกัดในด้านเวลา และสถานที่


...............................*****..................................


คำถามบทที่ 5
1. Instant Messaging (IM) คืออะไร สามารถสนับสนุนกระบวนการดำเนินธุรกิจได้อย่างไรบ้างและช่วยลดค้าใช้จ่ายโทรศัพท์ได้อย่างไร
การสนทนาบนอินเทอร์เน็ตคือ การส่งข้อความถึงกันโดยทันทีทันใด นอกจากนี้ยังสามารถส่งสัญลักษณ์ต่างๆ อาทิ รูปภาพ ไฟล์ข้อมูลได้ด้วย
2. E-comerec แต่งต่างจาก E-business อย่างไร
E-comerec เป็นการซื้อขาย การค้า การแลกเปลี่ยนทาง Internet
ส่วน E-business มีความหมายกว้างกว่าเป็นการดำเนินกิจการทางธุรกรรม ทุกขั้นตอนโดยผ่าน Internetทั้งหมด มีการส่ง EDI
3. จงอธิบายพร้อมยกตัวอย่างการทำธุรกิจ
1) B2B มุ่งเน้นให้บริการกับลูกค้าที่เป็นองค์การธุรกิจด้วยกัน เช่น ผู้ผลิต-ผู้ผลิต การชำระเงินส่วนใหญ่จะผ่านธนาคาร
2) B2C ผู้ขายที่เป็นองค์การธุรกิจกับผู้ซื้อหรือลูกค้า แต่ละคนอาจเป็นการค้าปลีกแบบเหมาโหล สินค้าที่จำหน่าย เช่น หนังสือ ของเล่น นิยมการจองตั๋วเครื่องบิน
3) B2G ธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ระหว่างธุรกิจเอกชน กับภาครัฐ เช่น การประมูลออนไลน์ และการจัดซื้อ จัดจ้าง
4) C2C เป็นการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ระหว่างผู้บริโภคด้วยกัน เช่นการประมูลสินค้า
5) ภาครัฐกับเอกชน GTC กิจกรรมที่เกิดขึ้นผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ประเภทนี้ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อการค้า แต่เน้นให้การบริการ กับประชาชนโดยผ่านอิเล็กทรอนิกส์ เช่น การคำนวณและชำระภาษีออนไลน์ ของกรรมสรรพากร
4. จงยกตัวอย่างที่ทำให้พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ประสบความสำเร็จและล้มเหลว
ประสบผลสำเร็จ
1. ข้อมูลข่าวสารที่ลงแต่ละครั้งทันสมัย
2. เว็บไซต์ของร้านค้าต้องมีการออกแบบให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า
3. มีการบริการหลังการขาย
4. ลูกค้าสามารถปรับเปลี่ยนรายการสินค้าและปริมาณที่สั่งได้
5. มีการชำระที่สะดวก ลูกค้าสามารถเลือกชำระเงินขึ้นอยู่กับความสะดวกขอกลูกค้า
ล้มเหลว
1. ข้อมูลที่ลงไม่ตรงตามความต้องการของลูกค้า
2. มีการจัดการกับการชำระเงินที่ไม่มีประสิทธิภาพ
3. ไม่มีการบริการหลังการขาย
4. ไม่มีการพัฒนารูปแบบเว็บให้น่าสนใจ
5. อินเทอร์เน็ตส่งผลต่อความสำพันธ์ระหว่างผู้ผลิตหรือซัพพลายเออร์
- ทำให้ผู้ผลิตมีความสะดวกสบายมากขึ้น และมีความทันสมัย สามารถนำพาองค์กรประสบผลสำเร็จ มีรูปแบบใหม่ที่สามารถนำสินค้าของตัวเองเข้าไปสู่ตลาดโดยไม่ทำให้เสียเวลามาก
6. อินเตอร์เน็ตมีประโยชน์ ต่อการบริหารลูกค้าอย่างไรบ้าง
- เป็นการที่ชื้อสินค้า และบริการที่ไม่จำกัดเฉพาะรูปแบบเดิมๆ ที่ผู้ซื้อจะต้องเดินไปจำหน่าย แต่ปัจจุบัน การซื้อสินค้ามีทางเลือกอื่นมากขึ้น สามาร๔คัดเลือก และมีการเปรียบเทียบราค้าสินค้าได้จากทุกมุมโลก

ไม่มีความคิดเห็น: